ปฐมบทแห่งความพินาศ วันสิ้นโลกที่ยังไร้บทจบ

ถ้าพูดกันถึงวันสิ้นโลก หรือ Doomsday เชื่อว่าแต่ละ ศาสนาได้มีตำนานมากมายที่กล่าวถึงวันสิ้นโลก ไม่ว่าจะเป็น Ragnarok หรือ Noah ที่เป็นปริศนาถึงเรื่องราวเหล่านั้นว่าเป็นจริงมากน้อยขนาดไหน หรือ เป็นเพียงแค่นิทานก่อนนอนเท่านั้น ซึ่งตกเปงข้อถกเถียงกันมานาน ปฏิทินของชนเผ่ามายัน ได้ทำนายถึงวันสิ้นโลกว่าจะเกิดขึ้นในปี 2012 แต่เรื่องราวนี้ก็กลับกลายเป็นเรื่องเงียบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจริงๆแล้ววันสิ้นโลกมันอาจจะเกิดขึ้นไปนานแล้วก็ได้ เพียงแต่เรากำลังตีความหมายของมันผิดเท่านั้นเอง โดยที่วันสิ้นโลกนั่นก็คือทุกๆวันที่มนุษย์เข่นฆ่ากันเองนี่แหละ จริงๆแล้วก็อาจจะเป็นไปเพื่อการปรับสมดุลของโลกมนุษย์ก็ได้ เนื่องจากอาหารเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ ว่าไม่เพียงพอต่อมนุษย์จำนวนมาก การฆาตกรรมหมู่จึงเกิดขึ้น อาจจะเป็นสาส์นจากเบื้องบนลงมาก็ได้ แบบเดียวกันกับในหนังการ์ตูนเรื่อง Marvel ที่ Thanos ต้องการฆ่าสิ้นมีชีวิตครึ่งจักรวาลเพื่อปรับสมดุลนั่นเอง เป็นการชำระล้าง สิ่งมีชีวิต แล้วคัดสรรไว้ เฉพาะกลุ่ม หรือ ว่านี่อาจจะเป็นการสูญสิ้นของดาวโลก (ยาหมดฤทธิ์ไปทานยาแปป) คราวนี้จะกล่าวถึงเรื่องวันสิ้นโลกที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

4 Horsemen of the Apocalypse หรือ 4 จตุอาชา คืออะไร

การคงอยู่ของ 4 จตุอาชานั้นได้ถูกตีความหมายมาโดยตลอด ซึ่งตามตำนานได้ระบุถึงวันพิพากษาของโลก การนำไปสู่ความสูญสิ้นของโลกจะเกิดได้ จาก 4 จตุอาชานี้เท่านั้น ได้แก่

White Horse Strife หรือ Pestilence (โรคระบาด)

ในพระคัมภีร์ได้กล่าวถึงจตุอาชาตัวแรกนี้ว่า  จะเป็นสิ่งที่นำความทนทุกข์มาสู่มวลมนุษย์ชาติ การแพร่การจ่ายของโลกระบาดที่โหดร้ายมีมาตั้งแต่อดีตกาล และ เป็นการฆ่าล้างบางมนุษย์ได้จริงอย่างที่กล่าวไว้ โดยเนื้อความในพระคัมภีร์เขียนไว้ด้วยใจความดังนี้ “ข้าพเจ้าได้ยินหนึ่งในสิ่งมีชีวิตทั้งสีกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงเหมือนฟ้าร้องว่า “มาเถิด” ข้าพเจ้ามองไปเห็นม้าข้าวตนหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า ผู้ขี่ม้านี้ถือธนู เขาได้รับมงกุฏแล้วควบม้าไปอย่างผู้พิชิตที่ตั้งใจออกไปพิชิตศึก”

โรคระบาดที่ฆ่ามนุษย์มากที่สุด

กาฬโรค (Plague) เป็นโรคระบาดที่ฆ่ามนุษย์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ประชากรทั่วโลกลดลงถึง 50% แพร่กระจายเชื้อได้ในทั้งอากาศและการสัมผัส เรียกได้ว่า แค่หายใจใกล้กันก็เป็นแล้ว (จะโหดไปไหน) ปัจจุบันถ้าตรวจพบเร็วสามารถรักษาได้

ฝีดาษ (Smallpox) หรือในวงการแพทย์เรียกว่า วาริโอลา เมเจอร์ และวาริโอลา ไมเนอร์ เป็นโรคที่ทำให้กษัตริย์ฟาโรห์รามเสส ที่ 5 แห่งอียิปต์โบราณสวรรคต และพรากชีวิตคน 1 ใน 3 ของประเทศเสียชีวิต และ กระจายไปในอินเดียและทั่วทวีปยุโรปโดยเฉลี่ยตายปีละกว่า 400,000 คน ติดต่อได้ทางน้ำมูก น้ำลาย และการสัมผัส องค์การอนามัยโลกยับยั้งด้วยการฉีดวัคซีนต้านทำให้โรคฝีดาษหมดจากโลกในปี 1979

อหิวาตกโรค (Cholera) หรือ โรคห่า มีการเสียชีวิตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100,000 – 130,000 คนต่อปี เป็นโรคระบาดที่อันตรายต่อมนุษย์มากที่สุดในศตวรรษที่ 19 ติดต่อได้จากการกินน้ำ หรือ อาหารที่สุกๆดิบๆที่ปนเปื้อน

ไข้หวัดนก (H5N1) โรคติดเชื้อทางเดินระบบหายใจ เกิดการระบาดทั่วโลก เชื้อแพร่จากไก่สู่คน

อีโบลา (Ebola) โรคติดต่อที่เมื่อเป็นแล้วอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 90 % เชื้อนี้ยังพบแค่ 3 ประเทศในแอฟริกา พบผู้ป่วย759 ราย และทั้งมดที่ติดเชื้อจะเสียชีวิต ภายในเวลาไม่นานหลังจากที่พบเชื้อเท่านั้น คือ 10 วัน (ไวโคตร!!!)

โรคเอดส์ (AIDS) พบครั้งแรกในปี 1981 ประเทศสหรัฐอเมริกาสาเหตุคาดว่ามาจากการร่วมเพศกับ…. จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทั้งหมดเสื่อม สาเหตุของการติดเชื้อคือ การมีเพศสัมพันธ์ ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และ จากแม่สู่ลูก ไม่มีเซรุ่ม หรือ วัคซีนช่วยได้ มีเพียงยาต้านไวรัสเท่านั้น ที่สามารถทำให้มีอายุอยู่ได้เพิ่มขึ้น 9-20 ปีเท่านั้น และ จะเกิดการดื้อยา

Red Horse War หรือ War (สงคราม)

ในพระคัมภีร์ได้กล่าวถึงจตุอาชาตัวที่สองนี้ว่า จะเป็นเหตุในการสร้างความทนทุกข์แก่มวลมนุษย์ชาติ เป็นสิ่งที่จะนำพาให้มนุษย์เกิดการเข่นฆ่ากันโดยไม่สนใจถึงศีลธรรมใดๆทั้งสิ้น โดยเนื้อความในพระคัมภีร์เขียนไว้ด้วยใจความดังนี้ “เมื่อพระเมษทรงโปรดแกะดวงตราที่สอง ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตตนที่สองกล่าวออกมาว่า “มาเถิด” แล้วม้าอีกตนที่มีสีแดงเพลิงก็ปรากฏออกมา ผู้ขี่ม้านี้ได้รับพระราชานุญาติที่จะนำสันติภาพไปจากโลก และ ทำให้มนุษย์เข่นฆ่ากัน ท่านผู้นี้ได้รับพระราชทานดาบใหญ่เล่มหนึ่ง”อาจจะกล่าวได้ถึง สงครามแย่งชิงดินแดน แย่งชิงสิ่งของที่มีค่า โดยสิ่งต่างๆเหล่านี้มีมาตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน

สงครามที่คร่าชีวิตมนุษย์มากที่สุด

สงครามยึดครองทวีปอเมริกา มีผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 34 ล้านคน มีการล่าอาณานิคมอย่างโหดร้ายสะท้อนถึงจิตใจมนุษย์ได้เป็นอย่างดี

สงคราม 3 ก๊ก มีผู้เสียชีวิต 37 ล้านคน เกิดช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น ระยะเวลาสงครามยาวนาน 100 ปี

สงครามกบฏไถ่ผิง เกิดหลังจากสงคราม 3 ก๊ก มีผู้เสียชีวิต 44 ล้านคน gxho

สงครามจักรวรรดิมองโกล 53 ล้านคน จากการรวมชนเผ่าเร่ร่อนมองโกลเพื่อรบในการทำสงคราม และ สร้างความหวาดกลัวกับทุกชนชาติ

สงครามโลกครั้งที่ 2 กับพรรคนาซี มีการใช้ระเบิดปรมาณูเป็นครั้งแรก และ มีผู้เสียชีวิต 58 ล้านคน เป็นการกวาดล้างชาวยิวถึง 6 ล้านคน กับเวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น

Black Horse Famine หรือ Famine (ความอดอยาก)

ในพระคัมภีร์ได้กล่าวถึงจตุอาชาตัวที่สามนี้ว่า จะเป็นเหตุแห่งความอดอยาก อยากกินก็จะไม่มีกิน มักจะเกิดขึ้นหลังจากการปรากฏตัวของอาชาที่ 2 (สงคราม) โดยเนื้อความในพระคัมภีร์เขียนไว้ด้วยใจความดังนี้ “เมื่อพระเมษทรงโปรดแกะดวงตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าได้ยินสิ่งมีชีวิตคนที่สามกล่าวขึ้นมาว่า “มาเถิด” ข้าพเจ้ามองเห็นม้าสีดำตัวหนึ่งอยู่ข้างหน้า ผู้ขี่ม้านี้ชูตราขึ้นมาแล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากสิ่งมีชีวิตนี้ว่า ข้าวสาลี ลิตรละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบาร์เลย์สามลิตรหนึ่งเดนาริอัน แต่อย่าทำให้น้ำมันและเหล้าองุ่นเสียหาย” มองตามหลักความเป็นจริงที่เกิดขึ้นแล้ว หากเมื่อใดก็ตามที่เกิดสงคราม ทรัพยากรต่างๆก็จะต้องสิ้นสูญลงไป จึงอาจจะเป็นเหตุแห่งจตุอาชาตัวที่สามนี้ก็เป็นได้

Pale Horse Death หรือ Death (ความตาย)

ในพระคัมภีร์ได้กล่าวถึงจตุอาชาตัวสุดท้ายนี้ว่า เป็นจตุอาชาที่ทรงพลังมากที่สุด มีอำนาจมากที่สุด โดยเนื้อความในพระคัมภีร์เขียนไว้ด้วยใจความดังนี้ “เมื่อพระองค์ทรงแกะดวงตราที่สี่ ข้าพเจ้าได้ยินเสียง “มาเถิด” ข้าพเจ้าเห็นม้าสีเขียวหม่นตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า ผู้ขี่ม้านี้ชื่อว่าความตาย” เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับมนุษย์ นั่นก็คือ ความตาย เรียกได้ว่า 3 จตุอาชาก่อนหน้านั้นเป็นเพียงเหตุที่ทำให้เกิด ความตาย ซึ่งเป็นจุดรวมทั้งหมดเพียงหนึ่งเดียว ด้วยเหตุนี้จึงเป็นจตุอาชาที่ทรงพลังมากที่สุดนั่นเอง

ความเชื่อในศาสนาและประวัติศาสตร์ของ 4 จตุอาชา

4 จตุอาชาเป็นความเชื่อทางศาสนา ที่หยิบยกเอาเรื่อง โรคระบาด สงคราม ความอดอยาก และ ความตาย ที่เกิดขึ้นอยู่เป็นปกติบนโลกมนุษย์ คาดว่าด้วยเหตุนี้เอาทางศาสนาจึงได้หยิบเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาสะท้อนให้เห็นผ่านคำสอน และ รูปลักษณ์ที่น่ากลัวเพื่อให้ มนุษย์ส่วนใหญ่ได้ตระหนักถึงสิ่งจำเป็นที่ควรมีให้แก่กัน ได้แก่การให้อภัย และ ความรัก แต่ใครเลยจะรู้ว่าจริงๆแล้ว อาจจะเป็นจตุอาชาที่ออกมาโลดแล่นอยู่จึงทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆในปัจจุบันก็เป็นไปได้

สี่จตุรอาชาที่ถูกนำมาตีความหมายใหม่ลงบนสื่อ

โดย X-Men เวอร์ชั่น Comic ได้นำตำนาน 4 จตุรอาชามาประยุกต์ให้เข้ากับเนื้อเรื่องด้วยการตีความ เข้าไปแทรกอยู่ในเนื้อเรื่องของ Apocalypse (คัมภีร์ของศาสนาคริสต์) ซึ่งเป็นการหยิบยกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับศาสนา มาสอดแทรกเป็นชื่อตัวละครและเรื่องราวเหตุแห่งการเกิด

โดย Apocalypse จะประกอบไปด้วย

ไซล็อค เป็นตัวแทนของ Pestilence ซึ่งแทนด้วยสัญลักษณ์ภายในเนื้อเรื่องด้วยการถูกเปรียบให้เป็นผู้นำ

แม็กนีโต้ เป็นตัวแทนของ War ซึ่งแทนด้วยสัญลักษณ์ภายในเนื้อเรื่องด้วยการถูกเปรียบให้เป็นผู้รุก

สตอร์ม เป็นตัวแทนของ Femine ซึ่งแทนด้วยสัญลักษณ์ภายในเนื้อเรื่องด้วยการถูกเปรียบให้เป็นผู้พิพากษา

แองเจิล เป็นตัวแทนของ Death ซึ่งแทนด้วยสัญลักษณ์ภายในเนื้อเรื่องด้วยการถูกเปรียบให้เป็นเจ้าแห่งการทำลายล้าง

* พระเมษ หมายถึง พระเยซูคริสต์